แอนน์ แฟรงก์ เป็นเหยื่อคนหนึ่งในชาวยิวจำนวนหลายล้านคน ที่ได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
เป็นเวลา 2 ปี ที่แอนน์และครอบครัวของเธอต้องหลบซ่อนอยู่ในห้องลับ ที่บริษัทของคุณพ่อของเธอ ณ ที่นั้น เธอได้เขียนบันทึกของเธอ
แอนน์ แฟรงก์ เสียชีวิตในค่ายกักกันเมื่อเธออายุได้ 15 ปี
บันทึกของเธอรอดพ้นช่วงสงครามมาได้ และได้รับการแปลมากกว่า 70 ภาษา ทำให้ชื่อของแอนน์โด่งดังไปทั่วโลก
โดยมีการจัดแสดงบันทึกต้นฉบับไว้ที่พิพิธภัณฑ์บ้านแอนน์ แฟรงก์ (Anne Frank House)
แอนน์ แฟรงก์ หลังคลอด 1 วัน ในอ้อมกอดของคุณแม่เอดิธ แฟรงก์เฟิร์ต 13 มิถุนายน ค.ศ.1929
Childhood in Germany
Anne Frank is born on 12 June 1929 in Frankfurt am Main, Germany. She is the second and youngest daughter of Otto Frank and Edith Frank-Holländer. Margot, Anne’s sister, is three years older. The Frank family is Jewish.
ออตโต แฟรงก์ กับลูกสาวทั้งสอง มาร์กอตและแอนน์ สิงหาคม ค.ศ.1931
Otto Frank works for the family bank. Because of the severe economic crisis in Germany, business is not going well. Otto and Edith Frank are very worried about their future. Antisemitism is increasing. More and more people support Adolf Hitler’s antisemitic NSDAP party and in 1933, Hitler takes over as leader of the German government.
Otto has the chance to set up a local branch of Opekta in Amsterdam. Opekta is a business that sells pectin, a gelling agent for making jam. Otto and his wife decide to move to The Netherlands.
Safe in Amsterdam
การอยู่อย่างปลอดภัยในอัมสเตอร์ดัม
ในปี ค.ศ.1933 แอนน์ แฟรงก์ และครอบครัวย้ายไปอยู่อาศัยในอพาร์ตเมนต์บริเวณจัตุรัสเมอร์เวดในย่านอัมสเตอร์ดัม-ซูอิต ซึ่งเป็นย่านที่ผู้อพยพชาวยิวจำนวนมากพักอาศัยอยู่
แอนน์และมาร์กอตเรียนรู้ภาษาดัตช์ได้อย่างรวดเร็วและไม่ช้าก็รู้สึกคุ้นเคยกับฮอลแลนด์ แอนน์เป็นเด็กสาวที่ร่าเริง ช่างสงสัย ผู้ชอบการเป็นจุดสนใจ ส่วนมาร์กอตค่อนข้างเงียบและจริงจังมากกว่า เธอเรียนได้เกรดดีมาโดยตลอด
ออตโต แฟรงก์ จัดตั้งบริษัทของเขาในใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัม เนื่องจากเขาทำงานหนัก จึงมักไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ส่วนเอดิธ แฟรงก์ ประสบกับความยากลำบากในการปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ในเนเธอร์แลนด์ เธอคิดถึงบ้านและเป็นกังวลเรื่องครอบครัวของเธอในเยอรมนีเป็นอย่างมาก
ส่วนหนึ่งของภาพยนตร์อันโดดเด่นของพนักงานสาว เมียป กีส์
สถานการณ์ในเยอรมนีเริ่มอันตรายต่อชาวยิวมากขึ้นเรื่อยๆ
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1938 เกิดการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ ที่เรียกกันในชื่อ “Kristallnacht” หรือคืนคริสตัล
ในเดือนมีนาคม ค.ศ.1939 มารดาของเอดิธย้ายออกจากเยอรมนีมาอาศัยอยู่กับครอบครัวแฟรงก์
ในปี ค.ศ.1939 เยอรมนีรุกรานโปแลนด์ ทำให้อังกฤษและฝรั่งเศสประกาศสงครามกับเยอรมนี
กรุงวอร์ซอถูกทิ้งระเบิด
การปฏิบัติอย่างโหดร้ายต่อชาวยิวเริ่มขึ้นแทบจะในทันที
The German invasion of Holland
เยอรมนีรุกรานเนเธอร์แลนด์
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1940 เยอรมนีรุกรานเนเธอร์แลนด์ และหลังจากการทิ้งระเบิดเมืองรอตเทอร์ดาม รัฐบาลดัตช์ก็ยอมจำนน การยึดครองโดยเยอรมนีจึงเริ่มต้นขึ้น
General Winkelman arriving at German Army headquarters to sign the Dutch surrender, May 15, 1940.
Anti-Jewish regulations
ข้อบังคับต่อต้านชาวยิว
ไม่นานหลังจากการรุกรานในปี ค.ศ.1940 ฝ่ายนาซีเริ่มใช้ข้อบังคับต่อต้านชาวยิว ข้อบังคับเหล่านี้ทำให้ชาวยิวต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบากมากยิ่งขึ้น ข้าราชการชาวยิวถูกปลดออก ชาวยิวไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สวนสาธารณะ โรงภาพยนตร์ และสระว่ายน้ำอีกต่อไป นอกจากนี้เด็กชาวยิวยังถูกบังคับให้ต้องไปเรียนในโรงเรียนเฉพาะสำหรับชาวยิว
แอนน์ แฟรงก์ ปรากฏตัวที่หน้าต่างที่บ้านของเธอในอัมสเตอร์ดัม
Anne’s diary
บันทึกของแอนน์
วันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ.1942 แอนน์ แฟรงก์อายุได้ 13 ปี ของขวัญวันเกิดชิ้นหนึ่งคือสมุดบันทึกลายกระดานหมากรุกสีแดงและขาว เธอเริ่มเขียนบันทึกลงในสมุดบันทึกดังกล่าวทันที สมุดบันทึกนี้เป็นสมบัติที่แอนน์หวงแหนมากที่สุด และเธอนำติดตัวไปด้วยเมื่อครอบครัวแฟรงก์ย้ายไปหลบซ่อนตัว 3 สัปดาห์ถัดมา
Persecution of the Jews
การปฏิบัติอย่างโหดร้ายต่อชาวยิว
เมื่อการยึดครองโดยเยอรมนีดำเนินต่อไป สถานการณ์ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับชาวยิวในเนเธอร์แลนด์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1942 เป็นต้นไป ชาวยิวทุกคนต้องติดดาวสีเหลืองบนเสื้อผ้าของตน ชาวยิวเริ่มถูกเรียกไปรายงานตัวเพื่อใช้แรงงานในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน เยอรมนีอ้างว่าชาวยิวเหล่านี้จะถูกส่งไปยังค่ายแรงงานในเยอรมนี แต่ในความเป็นจริงพวกเขาถูกส่งไปยังค่ายกักกันเพื่อสังหาร
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเนรเทศ ออตโตและเอดิธได้จัดเตรียมห้องลับอยู่ด้านหลังของส่วนต่อเติมในบริษัทของออตโต มาร์กอต แฟรงก์ เป็นคนแรกๆ ที่ถูกเรียกไปรายงานตัวเพื่อส่งไปยังค่ายแรงงาน เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ.1942 วันถัดมาครอบครัวแฟรงก์จึงย้ายไปอยู่อาศัยในห้องลับบริเวณถนนปรินเซนกรัคต์
ครอบครัวแฟรงก์อาศัยอยู่ในห้องลับร่วมกับหุ้นส่วนธุรกิจของออตโต แฟรงก์ คือนายเฮอร์มาน วาน เพลส์ นางออกุสต์ ภรรยาของเขา และปีเตอร์ ผู้เป็นลูกชาย พนักงานของออตโต คือเบ็ป วอสคุยล์, วิกเตอร์ คูเกลอร์, โยฮันเนส ไคลแมน, กับเมียป กีส์ และแจนสามีของเธอ คอยส่งอาหารให้พวกเขา
ในระหว่างวัน พวกเขาต้องอยู่ในห้องลับอย่างเงียบกริบ เพื่อมิให้ผู้ที่ทำงานอยู่ในโกดังด้านล่างทราบว่ามีชาวยิวหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องลับ เฉพาะช่วงเวลากลางคืนและในวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้นที่พวกเขาสามารถพูดได้โดยไม่ต้องกระซิบ และสามารถกดชักโครกได้
หลังจากผ่านไป 2-3 เดือน ในวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ.1942 สมาชิกคนที่ 8 ก็เข้ามาอาศัยอยู่ในห้องลับด้วย นั่นคือนายฟริตซ์ เฟฟเฟอร์ เขาเป็นหมอฟันของเมียป กีส์ เพื่อเตรียมห้องให้เขาอยู่ มาร์กอตจึงย้ายไปพักในห้องเดียวกับพ่อและแม่ ส่วนแอนน์ต้องอยู่ร่วมห้องกับนายฟริตซ์ เฟฟเฟอร์
"‘เพื่อนและคนรู้จักชาวยิวของพวกเราจำนวนมากถูกกวาดต้อนไปเป็นกลุ่ม พวกเกสตาโปปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างทารุณมาก (…) ถ้าที่เนเธอร์แลนด์ยังเลวร้ายขนาดนี้ แล้วในที่ห่างไกลความเจริญที่พวกเยอรมันส่งพวกเขาไป จะเป็นอย่างไร พวกเราคาดว่าชาวยิวที่ถูกกวาดต้อนไปส่วนใหญ่ถูกสังหาร สถานีวิทยุอังกฤษระบุว่าพวกเขาถูกรมด้วยแก๊ส บางทีนั่นอาจเป็นวิธีที่จะตายอย่างรวดเร็วที่สุดแล้ว’ แอนน์ แฟรงก์ 9 ตุลาคม ค.ศ.1942"
การกวาดต้อนชาวยิวในอัมสเตอร์ดัม วันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ.1943
รถไฟแล่นออกจากเมืองเวสเตอร์บอร์กไปยังเมืองเอาชวิตซ์
‘You've known for a long time that my greatest wish is to be a journalist, and later on, a famous writer.’
Anne Frank, 11 May 1944
‘Is this really the beginning of the long-awaited liberation? (...) Oh Kitty, the best part about the invasion is that I have the feeling that friends are on the way.’
Anne Frank, 6 June 1944
ผู้ที่อยู่ในห้องลับติดตามข่าวเกี่ยวกับการบุกนอร์มังดีอย่างกระตือรือร้นและมีความหวัง ออตโต แฟรงก์ ใช้เข็มหมุดทำเครื่องหมายการรุกคืบของกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร ลงในแผนที่บนผนังห้องของครอบครัวแฟรงก์ ในห้องลับ
Anne’s death
การเสียชีวิตของแอนน์
ในวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ.1944 ผู้ที่หลบอยู่ในห้องลับถูกจับกุม พวกเขาถูกทรยศ พวกเขาถูกส่งตัวไปยังค่ายกักกันชั่วคราวเวสเตอร์แบงก์ ในเนเธอร์แลนด์ วันที่ 3 กันยายน พวกเขาถูกส่งตัวไปยังค่ายกักกันเอาชวิตซ์-เบียร์เคเนา ในเขตประเทศโปแลนด์ที่ถูกเยอรมนียึดครอง ที่นั่น พวกผู้ชายและพวกผู้หญิงถูกแยกออกจากกัน แอนน์ได้เห็นคุณพ่อของเธอเป็นครั้งสุดท้าย เธอถูกกำหนดให้อยู่ในโรงเรือนของผู้หญิง ร่วมกับมาร์กอตและเอดิธ
เมื่อถึงปลายเดือนตุลาคม
แอนน์และมาร์กอตถูกส่งตัวไปยังค่ายกักกันเบอร์เกน-เบลเซน ในเยอรมนี
เอดิธ คุณแม่ของพวกเธอยังคงอยู่ในค่ายกักกัน
เอาชวิตซ์-เบียร์เคเนา และเสียชีวิตที่นั่นเมื่อวันที่ 6 มกราคม ค.ศ.1945
After an awful train journey lasting three days, Anne and Margot arrive at Bergen-Belsen in Germany. The camp is overpopulated and they have to live in tents. When the tents are destroyed during a heavy storm, the prisoners are moved to already overcrowded barracks.
Bergen-Belsen is terrible. There is little or no food and the sanitary conditions are dreadful. Many prisoners become ill and die. Margot and Anne Frank contract typhus. They die at the end of February 1945, just weeks before the camp is liberated.
ฮันเนลี กอสลาร์ และแอนน์ แฟรงก์ รู้จักกันมาตั้งแต่อยู่โรงเรียนอนุบาล พวกเธอไม่ได้พบกันตั้งแต่ปี ค.ศ.1942 เมื่อแอนน์ย้ายไปหลบซ่อนตัว ในค่ายกักกันเบอร์เกน-เบลเซน ฮันเนลี หวนคิดถึงครั้งสุดท้ายที่เธอได้คุย กับแอนน์
After the Soviet Army liberates Auschwitz on 27 January 1945, Otto Frank is free. He is the only one of the eight people in hiding who survives the war.
7 May 1945, surrender of the German army in Western Europe in Reims, France.
Otto returns
ออตโตเดินทางกลับ
ภายหลังการเดินทางอันยาวนานและยุ่งเหยิง ออตโตเดินทางกลับไปยังอัมสเตอร์ดัมในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1945 เขาย้ายไปอาศัยอยู่กับเมียป กีส์ และแจนผู้เป็นสามี เขาทราบเรื่องการเสียชีวิตของภรรยาแล้ว แต่เขาไม่ทราบชะตากรรมของลูกสาวทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย
ไม่กี่สัปดาห์ถัดมา เขาได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของแอนน์และมาร์กอต เมื่อเป็นเช่นนั้นเมียปจึงมอบบันทึกของแอนน์ให้แก่เขา เธอเก็บรักษามันไว้อย่างดีตั้งแต่ครอบครัวแฟรงก์ถูกจับตัวไป
ออตโต แฟรงก์ และผู้ให้ความช่วยเหลือทั้งสี่ สิงหาคม ค.ศ.1945 ด้านหลัง: โยฮันเนส ไคลแมน และวิกเตอร์ คูเกลอร์ ด้านหน้า: เมียป กีส์, ออตโต แฟรงก์ และเบ็ป วอสคุยล์
The diary is published
บันทึกของแอนน์ได้รับการตีพิมพ์
ภายหลังการคิดใคร่ครวญอย่างหนัก ในที่สุดออตโต แฟรงก์ ก็ตัดสินใจให้มีการตีพิมพ์บันทึกของแอนน์ ในช่วงแรก การหาผู้ตีพิมพ์เป็นไปด้วยความยากลำบาก ออตโตได้ให้บุคคลหลายคนดูบันทึกนี้ หนึ่งในนั้นคือ นักประวัติศาสตร์ชื่อแจน โรไมน์
เขาเขียนบทความเกี่ยวกับบันทึกนี้ลงในหนังสือพิมพ์ระดับชาติชื่อ “เฮต แพโรล” เมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ.1946 บทความนี้ดึงดูดความสนใจของสำนักพิมพ์ และได้ตัดสินใจตีพิมพ์บันทึกเล่มนี้ หนังสือ “เฮต อัคเตอรุสต์” ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ.1947 ทำให้ความฝันของแอนน์ที่จะเป็นนักเขียนกลายเป็นความจริงภายหลังการเสียชีวิต ของเธอ
ฉบับภาษาอังกฤษใช้ชื่อว่า Anne Frank: The diary of a young girl" ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1952 ทำให้บันทึกของแอนน์มีชื่อเสียงโด่งดัง มีการนำไปดัดแปลงเป็นละครเวทีในปี ค.ศ.1955 โดยนักเขียนบทละครชาวอเมริกัน 2 คน และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในบรอดเวย์
ในปี ค.ศ.1959 ละครเวทีเรื่องนี้ได้รับการนำไปทำเป็นภาพยนตร์ โดยมีมิลลี เพอร์กินส์ แสดงเป็นแอนน์ แฟรงก์
From hiding place to museum
จากห้องลับสู่พิพิธภัณฑ์
ความสำเร็จของบันทึกนี้ทำให้เกิดความสนใจเกี่ยวกับห้องลับของแอนน์ แฟรงก์ ในไม่ช้าก็มีผู้คนเดินทางมาเพื่อชมห้องลับ และพวกเขาก็ได้รับการ นำชมรอบๆ โดยพนักงานบริษัทโอเปกตา ในปี ค.ศ.1955 บริษัท โอเปกตาได้ย้ายออกไป เนื่องจากอาคารอยู่ในสภาพทรุดโทรม จึงมีแผนที่จะทุบทำลาย แต่ด้วยความพยายามของชาวเมืองอัมสเตอร์ดัม อาคารจึงอยู่รอดต่อไป ด้วยความร่วมมือกับออตโต แฟรงก์ ชาวเมืองได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์บ้านแอนน์ แฟรงก์ เปิดให้สาธารณชนเข้าชมตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ.1960
นักเรียนชาวอเมริกันจากเมืองสคาร์สเดลมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์บ้านแอนน์ แฟรงก์ ในปี ค.ศ.1961
ในปี ค.ศ.1953 ออตโต แฟรงก์ แต่งงานกับฟริตซี มาร์โควิตซ์ และพวกเขาก็ย้ายไปอาศัยอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ บันทึกของลูกสาวยังคงมีบทบาทสำคัญในชีวิตของเขา เขาได้รับจดหมายหลายพันฉบับจากผู้อ่านทั่วโลก ฟริตซีและออตโตตอบจดหมายเหล่านั้น ออตโตเสียชีวิตในปี ค.ศ.1980
Ever since the opening in 1960 the Anne Frank House has attracted large numbers of visitors. During the mid-nineties, a new building is constructed on the corner of Prinsengracht and Westermarkt in order to cope with the ever-growing public interest. Nowadays, the museum welcomes over one million visitors a year. Below are the last moving images of Miep Gies in the museum: she is arranging some personal documents right before the opening of the new museum route in 1999.
เมียป กีส์ เป็นหนึ่งในผู้ให้ความช่วยเหลือผู้ที่อาศัยอยู่ในห้องลับแห่งนี้
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ในอัมสเตอร์ดัม พิพิธภัณฑ์บ้านแอนน์ แฟรงก์ ได้จัดแสดงห้องลับแบบออนไลน์ เป็นภาพ 3 มิติของห้องลับในสมัยสงคราม
พิพิธภัณฑ์บ้านแอนน์ แฟรงก์ เป็นองค์กรอิสระที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลรักษาห้องลับแห่งนี้ พิพิธภัณฑ์นี้ได้นำเรื่องราวชีวิตของเธอมาสู่ความสนใจของผู้คนทั่วโลก เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาเห็นถึงอันตรายของการต่อต้านชาวยิว การเหยียดและกีดกันเชื้อชาติ รวมทั้งความสำคัญของอิสรภาพ สิทธิที่เท่าเทียม และประชาธิปไตย
พื้นหลังของแผ่นภาพนี้แสดงผนังห้องของแอนน์ แฟรงก์ ในห้องลับ ซึ่งเธอติดภาพต่างๆ ไว้จำนวนมาก
This exhibit has been created by the Anne Frank House in Amsterdam.—For more information, visit http://www.annefrank.org.