ในทศวรรษ 2520 เมื่อมองมาในพื้นที่การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ สื่อและวัสดุต่างๆได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ ซึ่งสามารถสะท้อนความร่วมสมัยในผลงานศิลปะอย่างน่าสนใจ
ในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 27 พ.ศ. 2524 ได้มีการเพิ่มประเภทสื่อประสม ซึ่งจากเดิมมีเพียง จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ (ในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติประเภทสื่อประสมได้ถูกยกเลิกในครั้งที่29 และกลับมาอีกครั้งที่37 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน)
Composition No.2 (1998) โดย Roong TrirapichitArt Centre Silpakorn University
ในช่วงแรก การปรากฏของสื่อและวัสดุในงานศิลปะนั้นสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของประเทศที่ก้าวเข้าสู่สังคมสมัยใหม่ เข้าสู่ระบบอุตสาหกรรม การดำรงชีวิตแปรเปลี่ยนไป
วัสดุหรือพื้นผิวสัมผัสต่างๆแตกต่างไปจากเดิม วัสดุทันสมัยมันวาว หรือขยะจากอุตสาหกรรม ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งเร้าให้ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานจากประสบการณ์เหล่านั้นแปรค่ามาเป็นวัสดุในศิลปะ เช่นผลงานของ อาคม ด้วงชาวนา รุ่ง ธีระพิจิตร ชัยพร แซ่เล้า เป็นต้น
Form from Personal Feeling of Thai Architectural Motif 2/30 (1987) โดย Revadee ChaichumArt Centre Silpakorn University
หลังจากช่วงแรกของการนำวัสดุใหม่ๆเข้ามาสู่พื้นที่สร้างสรรค์ ศิลปินจำนวนหนึ่งก็เลือกใช้วัสดุพื้นถิ่นที่มีราคาต่ำแต่สามารถตอบสนองความคิดในเรื่องราววิถีชีวิตชนบทที่เรียบง่ายเช่นกัน
ในทศวรรษดังกล่าวนับได้ว่ามีความหลากหลายและเปิดกว้างในการสร้างสรรค์อย่างมาก ทั้งงาน2มิติและ3มิติต่างมีการใช้วัสดุอื่นๆมาแต่งเติมเสริมมิติของผลงานอย่างมาก
Festival (1988) โดย Prasong LuemuangArt Centre Silpakorn University
ในทศวรรษ 2530 สภาพเศรษฐกิจสังคมการเมืองดูเหมือนจะผลิบานไปในทิศทางที่ดีขึ้น ขาติชาย ชุณหะวัณ ผู้นำประเทศในขณะนั้นได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากคำกล่าวที่ว่า “เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า”
ซึ่งได้สร้างความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในประเทศไทย สภาพความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจที่มาพร้อมกับศึกภายในที่ไม่เห็นด้วยในการติดต่อค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นสังคมนิยม
ในพื้นที่ของการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ช่วงเวลาดังกล่าวยังคงมีพัฒนาการเติบโตทางด้านสื่อและวัสดุอย่างต่อเนื่อง แม้เรื่องราวทางการเมืองภายนอกจะดุเดือด หากแต่ศิลปะที่สร้างสรรค์ในพื้นที่นี้มุ่งเน้นสุนทรียภาพในทิศทางศิลปะเพื่อศิลปะอย่างแข็งขัน ความเป็นไปทางการเมืองแทบไม่มีผลกระทบต่อศิลปะในอาณาบริเวณนี้
Life Style in Thai Country B3 (1993) โดย Tinnakorn KasornsuwanArt Centre Silpakorn University
อย่างไรก็ดีศิลปะย่อมสะท้อนความเป็นไปต่างๆทางสังคมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผลงานจำนวนมากที่สร้างสรรค์ในช่วงเวลาดังกล่าวเริ่มมีความหม่นหมอง สีสันได้ถูกกลืนหายไปกับบรรยากาศสังคมที่ปกคลุมไปด้วยวิกฤตทางการเมือง
จากที่มุ่งเน้นการหาความเป็นไปได้ทางวัสดุใหม่ๆกลับย้อนมาชัดเจนในการใช้วัสดุพื้นถิ่น โหยหาอดีตที่เงียบสงบ มีการปฏิเสธหรือวิพากษ์ชีวิตเมืองหลวง และมุ่งหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกส่วนตน
ในขณะนั้นสังคมศิลปะที่นอกเหนือจากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติมีการขยายตัวเป็นวงกว้าง ตลาดการสะสมผลงานมีความคึกคักอย่างน่าสนใจสอดรับกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งการกลับมาของศิลปินที่ได้ไปศึกษายังต่างประเทศที่ทำให้หน้าตาศิลปะของไทยแปรเปลี่ยนสู่ศิลปะร่วมสมัยอย่างแท้จริง นับเป็นช่วงเวลาของการกระโดดสูงของศิลปะสมัยใหม่สู่ศิลปะร่วมสมัยที่กำลังสอดรับกับกระแสโลก
ในทศวรรษ 2540 ผลงานศิลปะที่อยู่ในพื้นที่การแสดงศิลปกรรมแห่งชาตินั้นก็ยังคงมุ่งไปในทิศทางการค้นหาตัวตนหรือสัจจะความจริงของธรรมชาติ โดยมีวิธีคิดของ ความดี ความงามเป็นแกนกลาง และสร้างสรรค์ผลงานในแนวทางกึ่งนามธรรมไปสู่การจัดวางองค์ประกอบของทัศนธาตุพร้อมกับเรื่องราวที่แอบซ่อนอยู่ในองค์ประกอบของภาพนั้นๆ
แต่เป็นที่น่าสังเกตได้ว่าสีสันต่างๆในผลงานเริ่มลดน้อยถอยห่างไปจากผลงานอีกครั้ง ภาพผลงานเน้นไปในการให้ค่าน้ำหนักขาวดำ ส่วนมากเห็นได้จากผลงานประเภทภาพพิมพ์และต่อมาได้ขยายวงกว้างสู่ผลงานในประเภทอื่นๆ
อาจเป็นเพราะการถอยห่างจากเรื่องราวทางการเมืองจนส่งผลกระทบไปที่การแสดงออกทางศิลปะ ซึ่งศิลปกรรมแห่งชาติถูกทำให้อยู่คนละเส้นทางกับเหตุการณ์ต่างๆทางการเมือง
น้ำหนักสีขาว เทา ดำต่างๆจึงเป็นเหมือนม่านหมอกที่เข้ามาปกคลุมเรื่องราวทางสังคมจนเบนทิศทางไปสู่ดินแดนของอัตวิสัยอย่างมหัศจรรย์
จากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยในปีพ.ศ. 2540 (ต้มยำกุ้ง) ทำให้สภาพการเงินประเทศที่เคยรุ่งเรืองในทศวรรษ 2530 ทรุดตัวลง บริษัท ห้างร้าน ธุรกิจอหังสาริมทรัพย์หยุดชะงัก ประเทศได้เข้าสู่วิกฤตการณ์เศรษฐกิจในระดับโลก สภาพบ้านเมืองเป็นดังภาพวาดที่ยังเขียนไม่เสร็จ ตึกใหญ่โตสูงเสียดฟ้าร้างขึ้นมาทันตา โครงการต่างๆที่บ่งบอกถึงความเจริญทางเศรษฐกิจได้กลายเป็นเศษซากที่พบเห็นได้ตามท้องถนน
จากสภาพบ้านเมืองที่ความเจริญได้หยุดชะงักจนกลายเป็นเศษซากของความศิวิไลซ์ ผลงานศิลปะในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติในช่วงเวลาดังกล่าวจึงมีการหยิบยกสภาพบ้านเมืองที่แออัด ผู้คนมากมายในสังคมเมืองเบียดเสียด ภาพความยากจนตามเมืองหลวงและชนบท
ซึ่งก็สะท้อนความเป็นไปบางอย่างทางสังคม หากแต่รูปแบบและเนื้อหาในการแสดงออกมิได้กล่าวในมิติสะท้อนสังคมแบบเฉพาะเจาะจงมากนัก แต่เรายังสามารถเห็นเค้าโครงต่างๆของปัญหาทางสังคมดังกล่าวออกมาผ่านศิลปะในช่วงเวลาดังกล่าว
Artworks featured in this story are parts of Silpakorn Art Collections. They are award-winning works from the National Exhibition of Art and Exhibition of Contemporary Art by Young Artists, under the care and management of the Art Centre Silpakorn University.
สนใจเรื่อง Visual arts ใช่ไหม
รับข้อมูลอัปเดตจาก Culture Weekly ที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ
เรียบร้อยแล้ว
Culture Weekly ฉบับแรกจะมาถึงในสัปดาห์นี้